 
	      	
		
	
	
	วันที่: 2010-08-11 13:07:29.0

มะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ
                เมื่อกล่าวถึงโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอแล้ว เชื่อว่าหลายๆ  คนคงไม่ได้รับทราบข้อมูลในเรื่องนี้เท่าไรนัก  เนื่องจากโรคนี้อาจไม่ได้เป็นมะเร็งที่พบมากในอันดับต้นๆ  แต่ไม่ว่าจะพบมากหรือน้อยผู้ป่วยก็ควรที่จะไ้ดรับการดูแลอย่างดีที่สุด  ผมจึงลองรวบรวมข้อมูลมาให้ศึกษากันดูแนะครับ
การรักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอมีวิธีใดบ้าง แต่ละวิธีมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร
                วิธีการรักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัด  การฉายรังสี และเคมีบำบัด  ซึ่งการใช้การรักษาจะใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิด ตำแหน่ง  และขนาดของมะเร็ง ระยะของโรค รวมทั้งสภาพร่างกายของผู้ป่วย เป็นต้น  ซึ่งการรักษาแต่ละวิธีก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป กล่าวคือ
                 โดยทั่วไปการรักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอส่วนใหญ่ใช้การผ่าตัดและฉายรังสี  แต่อาจใช้เคมีบำบัดร่วมด้วย  ซึ่งแพทย์จะอธิบายเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่และแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม สำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
วิธีการรักษาข้างต้นมีผลกระทบต่อผู้ป่วยและส่งผลต่อการรักษาอย่างไรบ้าง
                เนื่องจากผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อมีอาการมากแล้ว  การรักษาจึงมักต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน ซึ่งผลข้างเคียงก็จะมากขึ้นด้วย  โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัดจะพบผลข้างเคียงระยะหลังๆที่ สำคัญคือ ปัญหากลืนลำบากที่อาจนำไปสู่ภาวะขาดอาหาร  ทำให้แพทย์ต้องใส่สายทางจมูกหรือเจาะหน้าท้องใส่สายเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับ อาหารมากขึ้น โดยมีผู้ป่วยประมาณร้อยละ 10-15 ที่ต้องใส่สายดังกล่าวไปตลอด  นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ป่วยที่ทนต่อผลข้างเคียงจากการรักษาไม่ได้จนต้องหยุด ยา ทำให้รักษาไม่ต่อเนื่อง ผลการรักษาจึงไม่ดีเท่าที่ควร  ปัจจุบันจึงมีทางเลือกใหม่ที่ลดผลข้างเคียงจากวิธีการรักษาอื่นๆ  ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยทนต่อผลข้างเคียงได้ดีขึ้น ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นได้
ทางเลือกใหม่ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอเป็นอย่างไร
                 ปัจจุบันมียาใหม่ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยตรงที่ เรียกว่า ยาที่จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy)  กลไกการออกฤทธิ์ของยานี้คือไปจับกับตัวรับสัญญาณที่กระตุ้นการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็งซึ่งอยู่บริเวณผิวเซลล์ (epidermal growth factor receptor :  EGFR) ทำให้สารกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งจับกับ EGFR ไม่ได้  เซลล์มะเร็งจึงไม่สามารถแบ่งตัวหรือเจริญเติบโตได้อีก เรียกว่าเป็นยาต้าน  GEFR แบบโมโนโคลนอล แอนติบอดี (anti-GEFR monoclonal antibody)  โดยใช้เป็นการรักษาสำหรับผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอในระยะลุกลามเฉพาะ ที่ (locally advanced) ร่วมกับการฉายรังสี ใช้เวลาในการรักษาประมาณ 6-7  สัปดาห์  ซึ่งพบว่าให้ผลการรักษาและเพิ่มอัตราการอยู่รอดโดยรวมของผู้ป่วยได้เทียบ เท่ากับการฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด แต่ผู้ป่วยจะได้รับผลข้างเคียงน้อยลง  นอกจากนี้มีการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้ยา ที่จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งร่วมกับการฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งบริเวณ ศีรษะและลำคอในระยะลุกลามเฉพาะที่เปรียบเทียบกับการฉายรังสีเพียงอย่างเดียว พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาดังกล่าวจะมีระยะเวลาในการอยู่รอดนานกว่า  มีอัตราการอยู่รอดโดยรวมสูงกว่า  ควบคุมการลุกลามของเซลล์มะเร็งและมีการหายจากโรคดีกว่า  รวมทั้งมีอัตราการกลับเป็นซ้ำของโรคต่ำกว่า  เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกใหม่ี่นอกจากจะเพิ่มปประสิทธิภาพการรักษาแล้ว  ยังช่วยลดปัญหาความไม่ร่วมมือในการรักษาอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงจากยาเคมี บำบัดได้
การรักษาด้วยวิธีนี้มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้างและสามารถป้องกันหรือแก้ไขได้อย่างไร
                ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ที่พบคือ เกิดผื่นคล้ายสิวบริเวณร่างกายหรือใบหน้า  ซึ่งจะหายได้เองหลังการรักษา  ซึ่งผู้ป่วยอาจใช้ยาทาหรือยารับประทานแล้วแต่กรณีเพื่อแก้ไขปัญหานี้ เช่น  หากติดเชื้อแพทย์ก็จะให้ยาปฏิชีวนะด้วย  นอกจากนี้การใช้ร่วมกับการฉายรังสีก็จะพบอาการข้างเคียงจากรังสีดังที่กล่าว แล้วข้างต้น  ดังนั้นก่อนการรักษาผู้ป่วยจะต้องจัดการปัญหาในช่องปากให้เรียบร้อยก่อน  เช่น อุดฟันหรือรักษารากฟัน  ระหว่างและหลังการรักษาต้องดูแลสุขภาพช่องปากอย่างดี และควรพบทันตแพทย์ทุก  2-3 เดือนหลังการรักษา  โดยทันตแพทย์อาจเคลือบฟลูออไรด์ให้เพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรงขึ้น
การใช้ยาที่จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งร่วมกับการฉายรังสีเหมาะกับผู้ป่วยในกลุ่มใดบ้าง
                 ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดได้เนื่องจากสภาพร่างกาย ไม่แข็งแรงพอ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ  อาจใช้ยาที่จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งร่วมกับการฉายรังสีเพื่อลดผลข้าง เคียงต่างๆ ลง เหตุผลอีกประการคือ  การฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัดในผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 70 ปี  มักให้ผลการรักษาที่ไม่น่าพอใจเท่าที่ควร  วิธีนี้จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง  นอกจากนี้ยังเหมาะในผู้ป่วยที่มีไตไม่ค่อยดี  ทำให้ไม่สามารถรับยาเคมีบำบัดได้
คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ
                 ผู้ดูแลสามารถป้องกันหรือบรรเทาผลข้างเคียงจากการรักษาให้กับผู้ป่วยได้โดย การเลือกและเตรียมอาหารให้เหมาะสมกับผู้ป่วย  ดูแลสุขภาพช่องปากโดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อเยื่อบุในช่องปาก เช่น  แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์  ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มสุรา พาผู้ป่วยไปพบแพทย์และทันตแพทย์ตามนัด  มีส่วนร่วมในการออกกำลังกายเบาๆ สร้างบรรยากาศให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย  เป็นต้น
ถาม & ตอบ
ถาม:   อยากทราบว่าญาติได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่กล่อมเสียงในระยะที่มีการ ลุกลามเฉพาะที่ (locally advanced)  แต่ยังไม่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ควรใช้การรักษาแบบใด  และจะต้องรักษาเป็นระยะเวลานานเท่าใด?
ตอบ:  การรักษามะเร็งกล่องเสียงในระยะที่มีการลุกลามเฉพาะที่ (locally advanced)  โดยที่ยังไม่พบว่ามีการแพร่กระจายของโรคไปอวัยวะอื่น  แพทย์จะวางแผนการรักษาเพื่อหวังผลให้หายขาดโดยการควบคุมโรคเฉพาะที่  และลดโอกาสการกำเริบของโรค  นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยหลังการรักษาคือ  พยายามทำให้ผู้ป่วยมีกล่องเสียงและพูดคุยได้เหมือนปกติ  การรักษาหลักซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบันคือการใช้เคมีบำบัดร่วมกับการ ฉายรังสีและให้การผ่าตัดเสริมเฉพาะกรณีที่การตอบสนองของมะเร็งไม่สมบูรณ์  (incomplete response)  ซึ่งโดยทั่วไปการรักษาด้วยเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีจะใช้เวลาในการรักษา ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 6.5-7.5 สัปดาห์  การให้ยาเคมีบำบัดอาจพิจารณาให้แบบชุดทุก 3 สัปดาห์ เป็นจำนวน 3 ชุด  หรืออาจให้สัปดาห์ละครั้งเป็นเวลา 6 สัปดาห์  ส่่วนการฉายรังสีจะทำวันละครั้ง สัปดาห์ละ 5 วัน เป็นระยะเวลา 6.5-7.5  สัปดาห์
ถาม:  ญาติเป็นมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ กลัวผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด  อยากทราบว่าการฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์ มะเร็ง (targeted therapy) มีผลข้างเคียงน้อยกว่าหรือไม่?
ตอบ:  จากข้อมูลการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ว่า  การฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง  มีอัตราการเกิดผลข้างเคียงและมีความรุนแรงน้อยกว่าการฉายรังสีร่วมกับการใช้ เคมีบำบัด  อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลการศึกษาเปรียบเทียบโดยตรงทางด้านประสิทธิภาพการ รักษาด้วยการฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง กับการฉายรังสีร่วมกับการใช้เคมีบำบัด  มีเพียงการศึกษาเปรียบเทียบกับการฉายรังสีเพียงอย่างเดียว  พบว่ามีประสิทธิผลดีขึ้นแต่ก็มีผลข้างเคียงมากขึ้นเล็กน้อย  ในทางปฏิบัติจึงใช้การฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อ เซลล์มะเร็งในผู้ป่วยสูงอายุที่ไม่สามารถรับยาเคมีบำบัดได้
ถาม:   อยากทราบว่าผลข้างเคียงของการรักษาด้วยการฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออก ฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งมีอะไรบ้าง  และจะจัดการกับผลข้างเคียงอย่างไร สามารถรักษาผลข้างเคียงให้หายได้หรือไม่?
ตอบ:   ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาด้วยการฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออก ฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งในผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ ได้แก่  เยื่อบุอักเสบ ผิวหนังอักเสบ เจ็บคอ กลืนลำบาก  ส่วนอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์ มะเร็ง คือ มีผื่นลมพิษหรือปฏิกิริยาทางผิวหนังลักษณะคล้ายสิว ผิวแห้งคัน  ซึ่งสามารถรักษาได้และจะหายไปหลังจากการรักษา ส่วนอาการข้างเคียงอื่นๆ  ที่อาจพบได้บ้าง เช่น มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ  หรือหายใจลำบากจากหลอดลมหดตัว เป็นต้น  อาจป้องกันโดยให้ผู้ป่วยได้รับยาแก้แพ้ (antihistamine) ก่อนการให้ยา  และหากมีอาการแพ้ยาแพทย์ก็จะพิจารณาหยุดการใช้ยาทันที  ซึ่งการดูแลรักษาอาการข้างเคียงของยาหรืออาการแพ้ยาที่ถูกต้องจะทำให้ผู้ ป่วยหายกลับเป็นปกติได้
อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง บริเวณศีรษะและลำคอ  (คุณแววตา  เอกชาวนา นักกำหนดอาหาร)
                อาหารของโรคและอาการข้างเคียงจากการรักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ เช่น  มีแผลในปาก เคี้ยวอาหารและกลืนลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน การรับรสเปลี่ยนไป  ระบบภูมิต้านทานลดลง ติดเชื้อง่ายขึ้น  ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะโภชนาการของผู้ป่วยและอาจทำให้ผู้ป่วยขาดสาร อาหารได้ การเลือกอาหารที่สะอาด  มีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการให้กับผู้ป่วยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ ร่างกายของผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่จำเป็นเพียงพอ  ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทาน ลดอาการข้างเคียง  และทำให้แผนการรักษาของแพทย์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
หลักในการเลือกหรือปรุงอาหารที่สำหรับผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ
ตัวอย่างเมนูอาหาร: มัน บด ผัดฟักทอง ซุปสาคู ผัดวุ้นเส้น โจ๊ก ซาลาเปาไส้ครีม  เต้าหู้อ่อนนึ่งซีอิ๊ว ปลาต้มเค็ม สตูว์ไก่ ไข่ตุ๋นนมสด ปลาย่าง  ผัดบวบใสไข่ จับฉ่าย แกงจืดผักกาดขาว ซุปผักโขม กะหล่ำปลีตุ๋น  แกงจืดแตงกวาสอดไส้
การดูแลสุขภาพในช่องปากเมื่อต้องฉายรังสี  ข้อมูลจากพ.ต.ต.ทพ.พจนารถ  พุ่มประกอบศรี
การ รักษาโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอด้วยการฉายรังสี อาจมีผลต่อฟัน เหงือก  ต่อมน้ำลาย และเนื้อเยื่อในช่องปาก  ซึ่งสร้างความไม่สบายหรือเจ็บปวดจนทำให้ผู้ป่วยมีการเตรียมตัวและทำความเข้า ใจถึงวิธีการปฏิบัติตัวในการดูแลสุขภาพในช่องปาก  ก็จะทำให้ไม่ทรมานจากการเจ็บปวด และมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคภัยต่อไป
ผลข้างเคียงในช่องปากจากการฉายรังสี
                จากผลการเปลี่ยนแปลงในช่องปากเหล่านี้ อาจทำให้ผู้ป่วยหลายรายขาดกำลังใจ  ท้อแท้ต่อการรักษา แต่จริงๆ แล้วสิ่งต่างๆ  ที่เป็นผลข้างเคียงนี้เราสามารถควบคุมได้
หมายเหตุ จากที่เคยพบ ฉายรังสีแล้วต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายได้น้อยมาก และกลับมาผลิตได้ดังเดิมยากมากๆครับ คุณพ่อของผมต่อมน้ำลายผลิตได้น้อยมาก กลืนอาหารลำบาก จนเสียชีวิตเพราะลามไปที่ตับครับ
ก่อนเข้ารับการฉายรังสี
                เมื่อผู้ป่วยทราบว่าจะต้องเข้ารับการฉายรังสี  ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพในช่องปากว่ามีโรคเหงือกอักเสบ ฟันผุ  รากฟันค้าง หรือมีฟันต้องถอนหรือไม่ ถ้ามีจะต้องได้รับการรักษาก่อนทุกครั้ง
ระหว่างการรักษาและหลังเข้ารับการฉายรังสี
                การดูแลรักษาความสะอาดในช่องปากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้ดีและสม่ำเสมอ  ทั้งในระหว่างการรักษาและหลังเข้ารับการฉายรังสี โดยการ
                สำหรับผู้ป่วยที่ใส่ฟันปลอมแบบถอดได้  ให้ตรวจเช็คกับทันตแพทย์ว่าฟันปลอมนั้นยังกระชับอยู่หรือไม่  เพื่อป้องกันการเสียดสีกับเนื้อเยื่อที่อาจทำให้เกิดแผลในช่องปาก  ส่วนผู้ป่วยที่ใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น จะต้องหมั่นทำความสะอาดให้ดี  เพราะเศษอาหารอาจเข้าไปขังอยู่ใต้ฐานฟันปลอมได้
                นอกจากนี้ หากผู้ปากมีอาการปากแห้งก็ให้จิบน้ำบ่อยๆ อมน้ำแข็ง  หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง สำหรับอาหารก็ควรเป็นอาหารที่มีสารอาหารครบทุกหมู่  ลดอาหารพวกทอดกรอบๆ ควรรับประทานอาหารนิ่มๆและอาหารที่ปรุงสุกด้วยการต้ม  และสิ่งที่สำคัญที่สุดในผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ คือ ต้องงดเหล้า  และบุหรี่อย่างเด็ดขาด
                การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีจะทำให้ปากสะอาด ปราศจากการสะสมของแบคทีเรีย  ซึ่งจะทำหลีกเลี่ยงจากฟันผุและโรคเหงือกอักเสบได้เป็นอย่างดี  นอกจากนี้ควรต้องเข้ารับการตรวจฟันจากทันตแพทย์เป็นประจำ  เพื่อจะได้พบสิ่งผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ  และทำการแ้ก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามต่อไป
|  | 
|  | 
|  |